Wongna คืออะไร

Wongnai เป็นแพลตฟอร์มซูเปอร์ไลฟ์สไตล์สัญชาติไทยที่นำเสนอเนื้อหาและข้อมูลรีวิวจากผู้ใช้จริงแบบครบวงจร ทั้งร้านอาหาร สูตรอาหาร ความสวยความงาม และท่องเที่ยว
รูปภาพเว็บไซต์ Wongnaiเปิดในหน้าต่างใหม่
th.wikipedia.org
เว็บไซต์ Wongnai

Wongnai ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2553 โดยกลุ่มเพื่อน 4 คนที่มีความสนใจในเทคโนโลยีและอาหาร เว็บไซต์ Wongnai ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย โดยมีผู้ใช้งานมากกว่า 10 ล้านคนต่อเดือน

Wongnai นำเสนอเนื้อหาและข้อมูลรีวิวจากผู้ใช้จริง ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาร้านอาหาร สูตรอาหาร ความสวยความงาม และสถานที่ท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เว็บไซต์ Wongnai ยังมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกัน เช่น ชุมชน Wongnai และ Wongnai แชท

Wongnai ประสบความสำเร็จอย่างมากในการพัฒนาแพลตฟอร์มซูเปอร์ไลฟ์สไตล์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ใช้ Wongnai กลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย

แพลตฟอร์มออนไลน์ หาเพื่อน จะได้เพื่อนจริงไหม

แพลตฟอร์มออนไลน์ หาเพื่อน จะได้เพื่อนจริงไหม

แพลตฟอร์มออนไลน์ หาเพื่อน จะได้เพื่อนจริงไหม

แพลตฟอร์มออนไลน์หาเพื่อน จะได้เพื่อนจริงไหม ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ดังนี้

ความตั้งใจ สิ่งสำคัญที่สุดคือความตั้งใจของผู้ใช้งาน หากผู้ใช้งานมีความจริงใจและตั้งใจที่จะหาเพื่อนจริง ๆ ก็มีโอกาสที่จะได้เพื่อนจริง ๆ เช่นกัน
รูปภาพความตั้งใจเปิดในหน้าต่างใหม่

ความตั้งใจ
ความจริงใจ ผู้ใช้งานควรแสดงความจริงใจตั้งแต่แรกเริ่ม เช่น บอกเล่าตัวตนและความสนใจที่แท้จริง เพื่อให้มีโอกาสที่จะได้เพื่อนที่มีความสนใจร่วมกัน
รูปภาพความจริงใจเปิดในหน้าต่างใหม่

ความจริงใจ
ความอดทน การสร้างมิตรภาพต้องใช้เวลา ไม่ควรคาดหวังที่จะได้เพื่อนทันทีที่เริ่มใช้งานแพลตฟอร์ม
รูปภาพความอดทนเปิดในหน้าต่างใหม่

ความอดทน
นอกจากนี้ แพลตฟอร์มออนไลน์หาเพื่อนยังมีข้อดีและข้อเสีย ดังนี้

ข้อดี

สะดวก เข้าถึงได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
เข้าถึงผู้คนจากต่างสถานที่และต่างวัฒนธรรม
มีโอกาสได้รู้จักเพื่อนที่มีความสนใจร่วมกัน
ข้อเสีย

เสี่ยงต่อการถูกหลอกลวงหรือคุกคาม
ยากที่จะตรวจสอบตัวตนของผู้อื่น
ขาดการปฏิสัมพันธ์แบบตัวต่อตัว
หากผู้ใช้งานเข้าใจข้อดีและข้อเสียของแพลตฟอร์มออนไลน์หาเพื่อน และปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้น ก็มีโอกาสที่จะได้เพื่อนจริง ๆ จากแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้

ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับบางประการในการหาเพื่อนจากแพลตฟอร์มออนไลน์

สร้างโปรไฟล์ที่น่าสนใจ โปรไฟล์ที่ดีจะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้อื่น โปรไฟล์ควรมีรูปภาพที่สวยงามและข้อมูลส่วนตัวที่ชัดเจน เช่น ชื่อ ความสนใจ เป้าหมายในการหาเพื่อน เป็นต้น
รูปภาพสร้างโปรไฟล์ที่น่าสนใจเปิดในหน้าต่างใหม่

สร้างโปรไฟล์ที่น่าสนใจ

เข้าร่วมกลุ่มหรือกิจกรรมที่สนใจ การเข้าร่วมกลุ่มหรือกิจกรรมที่สนใจจะทำให้มีโอกาสได้พบปะผู้คนที่มีความสนใจร่วมกัน
รูปภาพเข้าร่วมกลุ่มหรือกิจกรรมที่สนใจเปิดในหน้าต่างใหม่

เข้าร่วมกลุ่มหรือกิจกรรมที่สนใจ

อย่ากลัวที่จะทักทายผู้อื่น หากพบเห็นคนที่สนใจก็อย่ากลัวที่จะทักทาย ทักทายด้วยคำทักทายที่สุภาพและแนะนำตัวสั้น ๆ

รู้จักรักษาระยะห่าง ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไปจนกว่าจะแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายมีความจริงใจ

สาขาการตลาด เรียนอะไรบ้าง ? ต้องเก่งวิชาอะไร

สาขาการตลาด เรียนอะไรบ้าง ? ต้องเก่งวิชาอะไร

สาขาการตลาดเป็นสาขาที่มีความหลากหลายและครอบคลุมหลายด้าน เพื่อเป็นนักการตลาดที่มีประสิทธิภาพและคู่แข่งได้ในสภาวะการตลาดที่แข่งขันอย่างมาก คุณควรเรียนหลายรายวิชาต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าของคุณในตลาดและสร้างความเชี่ยวชาญในด้านเฉพาะของคุณ นี่คือบางรายวิชาที่คุณควรเรียน:

  1. การตลาดพื้นฐาน (Marketing Fundamentals): เรียนเกี่ยวกับหลักการพื้นฐานของการตลาด, การวางแผนการตลาด, การวิเคราะห์ตลาด, และการสื่อสารการตลาด.
  2. การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing): เรียนเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือการตลาดออนไลน์เช่น SEO, SEM, Social Media Marketing, Content Marketing, Email Marketing, และการวางแผนการโฆษณาออนไลน์.
  3. การตลาดหรือการขายสินค้าหรือบริการ (Product or Service Marketing): เรียนเกี่ยวกับวิธีการตลาดและปรับปรุงสินค้าหรือบริการให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า.
  4. การวางแผนโฆษณา (Advertising Planning): เรียนเกี่ยวกับวิธีการวางแผนโฆษณาและการสื่อสารเพื่อสร้างความรับรู้และยกระดับยอดขาย.
  5. การบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (Customer Relationship Management): เรียนเกี่ยวกับวิธีการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ดีกับลูกค้า.
  6. การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics): เรียนเกี่ยวกับวิธีการใช้ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าและปรับปรุงแผนการตลาด.
  7. การจัดการโครงการการตลาด (Marketing Project Management): เรียนเกี่ยวกับการจัดการโครงการการตลาดเพื่อให้แน่ใจว่าการตลาดถูกดำเนินการอย่างมีระบบและสำเร็จ.

นอกจากนี้, ความเรียนรู้และความเชี่ยวชาญในเสริมและการพัฒนาทักษะสำคัญอื่น ๆ เช่น การสื่อสาร, การนำเสนอ, การสร้างเนื้อหา, การวางแผนกลยุทธ์, และการบริหารเวลาก็มีความสำคัญในการประสบความสำเร็จในสาขาการตลาด.

คลินิกกายภาพบำบัดสำหรับคนไทยในปัจจุบันเป็นอย่างไร

คลินิกกายภาพบำบัดคงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกแล้วสำหรับคนไทยในปัจจุบันนี้ เนื่องจากนับวันประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยที่ต้องรักษาด้วยวิธีกายภาพบำบัดเพิ่มมากขึ้น เพราะพฤติกรรมการทำงานของคนไทยอยู่ในลักษณะนั่งอยู่กับที่ ทำให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานหนักบางส่วนจนเกิดการบาดเจ็บ รวมทั้งสังคมไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์เมื่อปี 2552 และในปี 2559 มีจำนวนผู้สูงอายุถึงร้อยละ 16.5 ของประชากรทั้งหมด 65.9 ล้านคน ซึ่งทางมูลนิธิสถาบันวิจัยและการพัฒนาผู้สูงอายุไทยคาดการณ์ว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 30 ของประชากรทั้งหมด จึงทำให้หน่วยงานภาครัฐต้องเร่งผลิตนักกายภาพบำบัดออกมาเพื่อรองรับสถานการณ์ให้มากขึ้นตาม

จากสถิติดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่าในอนาคตการรักษากับคลินิกกายภาพบำบัดจะเป็นที่นิยมมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้จะใช้บำบัดผู้ป่วยตั้งแต่เด็กแรกเกิด ไปจนถึงผู้สูงอายุ ได้แก่ ทารกที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับกระดูก และกล้ามเนื้อตั้งแต่กำเนิด ผู้ป่วยที่เป็นโรคหมอนรองกระดูทับเส้นประสาท ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หรือจากการผ่าตัด ผู้สูงอายุที่เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังจากป่วยเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง และผู้ที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น ปวดเมื่อยเรื้อรังตามบ่า ไหล่ หลัง แขน และขา  แต่ในการรักษาต้องมีความต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถหายขาดได้ แต่ก็ต้องปรับพฤติกรรมการเดิน ยืน นั่ง นอน ให้ถูกวิธีด้วย

ซึ่งการทำกายภาพกับคลินิกกายภาพบำบัดจะช่วยป้องกัน ลดความเจ็บปวดตามอวัยวะส่วนต่างๆ ที่เกิดปัญหา และฟื้นฟูสุขภาพ เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ รวมทั้งจัดการปัญหาด้านการเคลื่อนไหว หรือความบกพร่องของร่างกาย โดยใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดผสมผสานกับวิธีหัตถการ คือการดึง ดัด จัดกระดูก เพื่อรักษาผู้ป่วยให้กลับมาเคลื่อนไหวเป็นปกติมากที่สุด และเนื่องจากเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพ มีผลข้างเคียงน้อย จึงเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย

ถึงแม้คลินิกกายภาพบำบัดจะเป็นทางเลือกใหม่ของการรักษาสำหรับคนไทยยุคปัจจุบัน แต่ในอนาคต “กายภาพบำบัด” จะเข้ามามีบทบาททางการแพทย์มากขึ้น และได้รับการสนับสนุน และพัฒนามากขึ้น https://www.peacetherapyclinic.com/

ชนิดของฟิลเลอร์ใต้ตา

ชนิดของฟิลเลอร์ใต้ตา

เมื่อพิจารณาฟิลเลอร์สำหรับบริเวณใต้ตา สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงลักษณะเฉพาะบางอย่างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ นี่คือข้อควรพิจารณาบางประการ:

การสูญเสียปริมาตร: ฟิลเลอร์ใต้ตามักใช้เพื่อแก้ปัญหาการสูญเสียปริมาตรหรือโพรงในบริเวณร่องน้ำตา มองหาฟิลเลอร์ที่มีความเรียบเนียนและออกแบบมาเฉพาะสำหรับบริเวณที่บอบบาง ฟิลเลอร์ที่ใช้กรดไฮยาลูโรนิกมักใช้เพื่อจุดประสงค์นี้

ความหนาของผิวหนัง: ความหนาของผิวหนังบริเวณใต้ตาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ฟิลเลอร์ที่หนาขึ้นอาจเหมาะกับผู้ที่มีผิวหนามากกว่า ในขณะที่ฟิลเลอร์ที่บางกว่าสามารถใช้กับผู้ที่มีผิวบางกว่าได้ ผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์สามารถประเมินความหนาของผิวหนังและกำหนดความสม่ำเสมอของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมได้

ความลึกของร่องน้ำตา: ควรพิจารณาความลึกของร่องน้ำตาซึ่งเป็นพื้นที่ระหว่างเปลือกตาล่างและแก้มเมื่อเลือกฟิลเลอร์ ร่องน้ำตาที่ลึกกว่านั้นอาจต้องใช้ฟิลเลอร์ที่แข็งแรงกว่าเพื่อให้ได้ระดับการแก้ไขที่ต้องการ

ประสบการณ์การฉีด: จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ซึ่งเชี่ยวชาญด้านสารเติมเต็มผิวหนัง พวกเขาจะประเมินข้อกังวลเฉพาะของคุณ ตรวจสอบบริเวณใต้ตา และแนะนำประเภทฟิลเลอร์และเทคนิคที่เหมาะสมที่สุดตามความเชี่ยวชาญของพวกเขา

อายุยืน: อายุขัยของฟิลเลอร์เป็นข้อพิจารณาที่สำคัญ ฟิลเลอร์บางตัวอาจอยู่ได้นานกว่าตัวอื่น และระยะเวลาของผลลัพธ์ที่ต้องการอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล หารือเกี่ยวกับความชอบและความคาดหวังของคุณกับผู้ประกอบวิชาชีพของคุณเพื่อกำหนดฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับระยะเวลาที่เหมาะสม

อาการแพ้และความไว: แจ้งให้แพทย์ของคุณทราบเกี่ยวกับอาการแพ้หรือความไวที่คุณอาจมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับส่วนผสมที่พบได้ทั่วไปในสารตัวเติม ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาเลือกฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับคุณ

กายวิภาคของใบหน้าส่วนบุคคล: กายวิภาคของใบหน้าแต่ละคนนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดังนั้นฟิลเลอร์จึงควรปรับให้เหมาะกับความต้องการและโครงสร้างใบหน้าของคุณโดยเฉพาะ แพทย์ผู้มีประสบการณ์จะพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น โครงสร้างกระดูก การกระจายไขมัน และความกลมกลืนของใบหน้าโดยรวม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถประเมินสถานการณ์เฉพาะของคุณและให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลได้ พวกเขาจะแนะนำคุณเกี่ยวกับฟิลเลอร์ เทคนิค และผลลัพธ์ที่คาดหวังที่เหมาะสมที่สุดตามลักษณะเฉพาะและเป้าหมายของคุณ

แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับ

แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับ
หลักสูตรการตลาดที่ใช้งานง่ายนั้นดีที่สุด

มีแพลตฟอร์มออนไลน์มากมายที่มีหลักสูตรการตลาดที่ใช้งานง่าย นี่คือตัวเลือกยอดนิยมบางส่วน:

Udemy: Udemy เป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ที่เปิดสอนหลักสูตรอันหลากหลาย รวมถึงหลักสูตรการตลาดมากมาย แพลตฟอร์มนี้เสนอหลักสูตรตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับสูงและมีทั้งหลักสูตรแบบเสียเงินและแบบฟรี

Coursera: Coursera เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ยอดนิยมที่เปิดสอนหลักสูตรการตลาดจากมหาวิทยาลัยและสถาบันชั้นนำทั่วโลก หลักสูตรเป็นแบบกำหนดจังหวะเองและโดยทั่วไปจะมีวิดีโอบรรยาย งานที่มอบหมาย และแบบทดสอบ

HubSpot Academy: HubSpot Academy มีหลักสูตรการตลาดฟรีมากมาย รวมถึงหลักสูตรเกี่ยวกับการตลาดขาเข้า การตลาดผ่านอีเมล โซเชียลมีเดีย และอื่นๆ หลักสูตรได้รับการออกแบบให้ง่ายต่อการปฏิบัติตาม รวมถึงเคล็ดลับและเครื่องมือที่ใช้ได้จริงสำหรับนักการตลาด

การเรียนรู้ของ LinkedIn: การเรียนรู้ของ LinkedIn เสนอหลักสูตรการตลาดที่หลากหลายซึ่งสอนโดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม หลักสูตรครอบคลุมหัวข้อต่างๆ ตั้งแต่การตลาดบนโซเชียลมีเดียไปจนถึงการวิเคราะห์ดิจิทัล และได้รับการออกแบบมาให้นักการตลาดทุกระดับเข้าถึงได้

Skillshare: Skillshare เป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ที่มีหลักสูตรการตลาดที่สอนโดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม หลักสูตรเป็นแบบเรียนรู้ด้วยตนเองและครอบคลุมหัวข้อต่างๆ รวมถึงการตลาดเนื้อหา การสร้างแบรนด์ และการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย

แพลตฟอร์มเหล่านี้นำเสนอหลักสูตรการตลาดที่หลากหลายซึ่งใช้งานง่ายและเข้าถึงได้สำหรับนักการตลาดทุกระดับ ลองสำรวจตัวเลือกเหล่านี้เพื่อค้นหาหลักสูตรที่เหมาะกับความต้องการและความสนใจของคุณมากที่สุด

แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อ ค้นหาการทำการตลาดที่ใช้ง่ายและรวดเร็ว

แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อ ค้นหาการทำการตลาดที่ใช้ง่ายและรวดเร็ว

แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับโซลูชันการตลาดที่ง่ายและรวดเร็ว

ในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องค้นหาโซลูชันทางการตลาดที่ง่ายและรวดเร็วในการดำเนินการ แพลตฟอร์มออนไลน์ที่นำเสนอโซลูชันทางการตลาดที่ง่ายและรวดเร็วสามารถเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับธุรกิจที่ต้องการปรับปรุงความพยายามทางการตลาดของตน

แพลตฟอร์มดังกล่าวสามารถนำเสนอเครื่องมือทางการตลาดที่หลากหลาย เช่น การตลาดผ่านอีเมล การจัดการโซเชียลมีเดีย และการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในที่เดียว นอกจากนี้ยังสามารถเสนอเทมเพลตที่ปรับแต่งได้และคุณสมบัติอัตโนมัติ ทำให้ธุรกิจสามารถสร้างและดำเนินการแคมเปญการตลาดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับโซลูชันการตลาดที่ง่ายและรวดเร็วสามารถให้คุณลักษณะการวิเคราะห์และการรายงาน ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญของตนและทำการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลสำหรับความพยายามทางการตลาดในอนาคต

โดยรวมแล้ว แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับโซลูชันการตลาดที่ง่ายและรวดเร็วสามารถมอบเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็นแก่ธุรกิจเพื่อให้คงความสามารถในการแข่งขันในตลาดดิจิทัลในปัจจุบัน ด้วยคุณสมบัติที่เป็นมิตรกับผู้ใช้และกระบวนการที่คล่องตัว ช่วยให้ธุรกิจประหยัดเวลาและความพยายามในขณะที่ยังคงให้ผลลัพธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ

อยากมีสุขภาพดี อยากซื้อเครื่องออกกำลังกายไว้ใช้ในบ้านควรเลือกซื้อยังไงมาดูกันค่ะ

อยากมีสุขภาพดีและหุ่นที่ฟิตแอนด์เฟิร์ม แต่ไม่อยากฝ่ารถติดไปฟิตเนส หรือไม่อยากเสียค่าฟิตเนสต่อเดือนแพงๆ ลองมาเลือกซื้อเครื่องออกกำลังกาย อุปกรณ์ฟิตเนส อยากซื้อเครื่องออกกำลังกายไว้ใช้ในบ้าน เพราะช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง ไม่ต้องหงุดหงิดรถติด อยากออกกำลังกายเมื่อไรก็ทำได้ เรามาดูกันว่าการเลือกซื้อเครื่องออกกำลังกายไว้ใช้ในบ้าน ควรจะเลือกยังไง แบบไหนถึงจะดี แล้วก็คุ้ม

เลือกเครื่องออกกำลังกายแบบไหนจะคุ้ม

1. เป้าหมายในการออกกำลังกาย เช่น ต้องการจะลดน้ำหนัก หรือลดความอ้วน อยากสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ เพิ่มความแข็งแรงให้กับกระดูกในส่วนต่างๆให้แข็งแรง ต้องการทำให้สุขภาพแข็งแรง ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ หรือเพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางกาย หรือต้องการฟื้นฟูสุขภาพร่างกายให้กลับมาดีเหมือนเดิม เพราะการที่เรารู้เป้าหมายในการออกกำลังกายจะช่วยให้เราตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องออกกำลังกายได้ตรงตามวัตถุประสงค์ และปลอดภัยนะคะ
เครื่องออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
2. อายุของสมาชิกผู้ใช้เครื่องออกกำลังกาย และสภาพร่างกายของผู้ที่จะออกกำลังกาย อายุ หรือวัยเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการออกกำลังกายที่ใช้ความหนักเบาไม่เท่ากันมีผลโดยตรงต่อคนที่อายุไม่เท่ากัน โดยเฉพาะเรื่องอัตราการเต้นของหัวใจ คนที่อายุน้อยจะสามารถออกกำลังกายที่หนักได้มากกว่า และสภาพร่างกายที่แตกต่างกัน ความยืดหยุ่นของคนที่อายุไม่เท่ากัน จะเห็นได้ชัดเจน เช่น คนวัยหนุ่มสาวสามารถออกกำลังกายได้หลากหลายรูปแบบ เช่นการวิ่งบนลู่วิ่ง การวิ่งบนอีลิปติเคิลหรือเครื่องเดินวงรี ที่สามารถออกกำลังกายได้ทุกสัดส่วน การปั่นจักรยาน การเล่นเวทในท่าต่างๆ ในขณะที่คนมีอายุก็ออกกำลังกายได้เช่นเดียวกัน โดยอาจจะต้องคำนึงถึงเรื่องการทรงตัว หรือความมั่นคง และโรคประจำตัว เป็นต้น ส่วนใหญ่ผู้สูงอายุจึงออกกำลังกายด้วยการนั่งปั่นจักรยานมากกว่าที่จะวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้า เพื่อความมั่นคงและป้องกันการลื่นล้ม และยังช่วยลดแรงกระแทกอีกด้วย

3. น้ำหนักผู้ใช้ที่สูงที่สุด เพื่อที่จะได้เลือกขนาดของเครื่องออกกำลังกายได้เหมาะสม เพราะเครื่องออกกำลังกายแต่ละขนาด ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานและนำ้หนักของผู้ใช้ที่แตกต่างกัน เช่น เครื่องวิ่งไฟฟ้าแบบใช้ในบ้าน ถ้ารุ่นเล็กจะสามารถรองรับนำ้หนักผู้ใช้ได้สูงสุดที่ 100 กิโลกรัม พอขยับรุ่นใหญ่ขึ้นมาก็สามารถรับนำ้หนักได้มากขึ้น เช่นเดียวกับเครื่องวิ่งไฟฟ้าที่ใช้ในฟิตเนสก็สามารถรับน้ำหนักผู้ใช้ได้ถึง 150 – 200 กิโลกรัม เป็นต้น

4. ความชอบในการออกกำลังกาย เช่น เป็นคนชอบวิ่ง หรือชอบปั่น ชอบความเร็ว หรือชอบการออกกำลังกายแบบชิวๆ เพื่อจะได้เลือกเครื่องหรืออุปกรณ์ที่เหมาะสมกับตัวคุณ แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่ชอบออกกำลังกาย หรือไม่รู้เพราะไม่เคยออกกำลังกายในแต่ละอุปกรณ์ เราขอให้ดูที่เป้าหมายนะคะ จะได้ออกกำลังกายให้สำเร็จ สู้ๆค่ะ

5. พื้นที่ในการวางอุปกรณ์มีขนาดเท่าไร อุปกรณ์เครื่องออกกำลังกายนั้นมีขนาดที่แตกต่างกัน โดยเฉลี่ย เครื่องวิ่งไฟฟ้า หรือลู่วิ่งไฟฟ้า ควรจะมีพื้นที่ในการวางอย่างน้อย กว้าง 1 เมตร x ยาว 1.80 เมตร จักรยานนั่งปั่น และอีลิปติคอล หรือเครื่องเดินวงรีจะมีขนาดประมาณ ความกว้าง 65 -90 ซ.ม. x ความยาว 1-1.60 เมตร

6. งบที่มีในการซื้อเครื่องออกกำลังกาย เพราะเมื่อคุณรู้งบประมาณที่มีก็จะสามารถตัดสินใจเลือกรูปแบบหรือรุ่นที่ดี ที่เหมาะสม รวมทั้งจำนวนของเครื่องได้พอดี เพื่อเป็นไปตามเป้าหมายในการออกกำลังกายของคุณ และจำนวนสมาชิกในบ้านจะได้มีโอกาสมาออกกำลังกายด้วยกันได้

การเลือกซื้อเครื่องออกกำลังกายไว้ใช้ในบ้าน เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณและคนที่คุณรักแล้ว ยังเรียกได้ว่าเป็นการลงทุนให้กับสุขภาพที่คุ้มค่าอย่างยั่งยืนอีกด้วย นอกจากจะได้รูปร่างที่ดี บุคลิกภาพที่ดีแล้ว ยังช่วยให้ห่างไกลจากโรคภัย และทำให้มีชีวิตที่ยืนยาวอีกด้วย

แผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปมีกี่แบบและประเภท

แผ่นพื้นคอนกรีตเป็นวัสดุก่อสร้างที่นิยมใช้ในการก่อสร้างบ้านพักอาศัย อาคารสำนักงาน หรือแม้กระทั้งโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่อย่างสะพาน เรียกได้ว่าเกือบทุกงานก่อสร้างต้องใช้ แต่แผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปก็มีหลายแบบ หลายชนิด ซึ่งในแต่ละประเภทก็ใช้งานแตกต่างกัน

แผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปแบบตัน แบ่งเป็น 3 ประเภท

  • แผ่นพื้นคอนกรีตชนิดไม้กระดาน (Solid plank section concrete slabs) เนื่องจากมีลักษณะรูปร่างคล้ายกับไม้กระดาน เหมาะสำหรับงานก่อสร้างอาคาร บ้านพักอาศัยทั่วไป (ขนาดเล็ก-กลาง) ซึ่งเป็นประเภทที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หาย เนื่องจากผลิตง่าย และสามารถใช้อุปกรณ์เครื่องจักรขนย้ายได้สะดวก เพราะมีพื้นท้องที่เรียบสม่ำเสมอกัน แต่ระหว่างการก่อสร้างต้องใช้ไม้หรือเสาค้ำยันช่วยพยุงด้วยทุก ๆ 5 เมตร เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างเคลื่อนย้าย
  • แผ่นพื้นคอนกรีตชนิดตัวทีคู่ (Double T section concrete slabs) มีลักษณะเหมือนตัวทีคู่ที่นำมาวางเรียงต่อกัน โดยจะมีปีกสองข้างที่ยื่นออกมา พร้อมกับมีคานสองตัวเพื่อเป็นที่รับน้ำหนัก ซึ่งเหมาะสำหรับการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่มีช่วงก่อสร้างที่ยาว และไม่ต้องใช้เสาไม้ค้ำยัน เช่น เขื่อน หรือสะพาน แต่ต้องเสริมคอนกรีตเพิ่มในด้านหัวและท้ายของแต่ละแผ่นเพื่อทำให้เครื่องจักรสามารถขนย้ายได้
  • แผ่นพื้นคอนกรีตชนิดตัวยู (U channel section concrete slabs) มีลักษณะรูปร่างคล้ายตัวยู เป็นแผ่นพื้นคอนกรีตที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างช่วงยาวเช่นเดียวกับแผ่นพื้นคอนกรีต ชนิดตัวทีคู่ ทำให้ต้องมีการเสริมคอนกรีตในช่วงหัวและท้ายแผ่นเพื่อให้เครื่องจักร์ขนาดใหญ่สามารถขนย้ายได้สะดวก

แผ่นพื้นคอนกรีต สำเร็จรูป แบบสามขา

แผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปแบบสามขา มีลักษณะการใช้งาน และคูณสมบัติเหมือนกันแผ่นพื้นคอนกรีต แบบตัน ชนิดไม้กระดาน แต่จะต่างกันต้องที่ขนาดความหนาของแผ่น คือ 7 เซนติเมตร (แผ่นพื้นคอนกรีต แบบไม้กระดาน หนาเพียง 5 เซนติเมตร) และลีกษณะใต้ท้องจะมีขาเสริมทั้งหมด 3 จุด ถึงแผ่นพื้นคอนกรีต ชนิดสามขาจะมีความหนากว่า แต่น้ำหนักของตัวแผ่นจะไม่ต่างกันเท่าไรนัก เนื่องจากขาที่เพิ่มออกมีการออกแบบในลักษณะเว้า จึงช่วยลดน้ำหนักในส่วนนี้ลงได้ ทำให้สามารถเพิ่มขนาดแผ่นพื้นคอนกรีตให้ยาวขึ้นโดยตัวแผ่นไม่แอ่นตัว รวมถึงไม่จำเป็นต้องใช้ไม้ค้ำยันในการติดตั้ง ส่งผลให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว และลดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างลงไปได้

แผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปชนิดกลวง

แผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปชนิดกลวง (Hollow Core) คือ แผ่นพื้นคอนกรีตที่ผลิตโดยการใช้คอนกรีตแห้ง มีลักษณะเบาแต่แข็งแรง ทำให้สะดวกในการใช้งานและติดตั้ง ช่วยให้งานก่อสร้างประหยัดต้นทุนด้านโครงสร้างได้มาก โดยส่วนใหญ่แล้ว แผ่นพื้นคอนกรีต ชนิดกลวงหรือ Hollow Core เหมาะสำหรับการใช้งานการก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น ตึกสำนักงาน คอนโดมิเนียม อาคารจอดรถ รวมไปถึงโรงงานอุตสาหกรรม โดยขนาดของแผ่นพื้นคอนกรีตชนิดกลวงจะมีความยาวกว่าแผ่นพื้นท้องเรียบทั่วไป ซึ่งบางแผ่นอาจจะยาวถึง 12 เมตรเลยทีเดียว รวมถึงความหนาและความกว้างที่มีความแตกต่างกันตามการใช้งาน นอกจากนี้ราคาแผ่นพื้นคอนกรีตชนิดกลวง ก็ขึ้นอยู่กับความหนาและกว้างด้วยเช่นกัน

เทคนิคที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่พาลูกน้อยไปทำฟันเด็กได้ง่ายขึ้น

เมื่อเด็ก ๆ เริ่มมีฟันน้ำนมขึ้น การดูแลสุขภาพฟันคือเรื่องสำคัญ คุณพ่อคุณแม่ได้เวลามองหาคลินิกทันตกรรมเด็กที่เหมาะสมเพื่อตรวจสุขภาพฟันให้กับเขา คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านกังวลใจไม่น้อย เพราะเด็กส่วนใหญ่มักจะกลัวบรรยากาศของคลินิกทำฟันรวมไปถึงเครื่องมือต่าง ๆ ในคลินิก เทคนิคพิเศษให้คุณพ่อคุณแม่เตรียมตัวก่อนจะพาลูกไปหาหมอฟัน สร้างความทรงจำที่ดีในการไปหาหมอฟันครั้งแรกให้กับลูกน้อย เพื่อการไปหาหมอฟันจะไม่เป็นเรื่องน่ากังวลใจสำหรับคุณพ่อคุณแม่อีกต่อไป

ทำไมเด็กๆ ถึงกลัวการไปคลินิกทำฟันเด็กที่คลินิกทันตกรรมเด็กกันนัก เหตุผลนั้นไม่มีตายตัว เพราะเด็กแต่ละคนก็จะมีความกลัวแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่เด็ก ๆ จะกลัวบรรยากาศคลินิกทำฟันที่คล้ายกับโรงพยาบาล มีเครื่องมือต่าง ๆ ที่อาจมีเสียงดัง หวาดเสียว ชวนให้รู้สึกว่า สิ่งเหล่านั้นต้องทำให้เจ็บแน่ ๆ เด็ก ๆ ส่วนใหญ่จึงเข้าใจไปเองอัตโนมัติเลยว่าคลินิกทำฟันจะมีคุณหมอรออยู่ แล้วคุณหมอจะทำให้เจ็บ เหมือนการฉีดยารักษา เด็กบางคนมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับการทำฟัน เช่น เจ็บตอนคุณหมอทำการรักษา คุณหมอดุ คุณพ่อคุณแม่มีการขู่ให้กลัวหากไม่ไปทำฟัน เป็นต้น

แนะนำเทคนิคให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้ก่อนพาลูกน้อยไปทำฟัน แต่ละเทคนิคเป็นวิธีการที่จะช่วยให้เด็ก ๆ คลายความกังวล รวมถึงบรรเทาการกลัวทันตกรรมเด็กได้ดี เทคนิคเหล่านั้นคือ

  1. ใช้สื่อเล่าเรื่อง ใช้สื่อในการเล่าเรื่องการทำฟันเด็ก แสดงให้เห็นว่าคลินิกทันตกรรมเด็กไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เช่น หนังสือนิทานเนื้อหาเกี่ยวกับการไปหาหมอฟัน เป็นต้น
  2. พูดคุยกับลูกก่อน หากมีกำหนดการจะพาไปคลินิกทำฟัน คุณพ่อคุณแม่อาจจะมีการเล่าเรื่องราวการทำฟันในด้านดี ๆ เช่น คุณหมอมีความใจดี ที่คลินิกมีของเล่น มีของรางวัลสำหรับคนเก่ง บอกเล่าข้อมูลเหล่านี้ 1-2 สัปดาห์
  3. เลี่ยงการบังคับหรือขู่ให้กลัว เลิกการข่มขู่ลูกเกี่ยวกับการทำฟันเด็ก เช่น ไม่แปรงฟัน คุณหมอจะมาถอนฟันนะ หรือคุณหมอจะดุเอานะ เพราะวิธีนี้จะทำให้เด็กกลัวการไปทำฟันมากขึ้น
  4. ทำข้อตกลงกับลูก อาจจะมีการทำข้อตกลงก่อนไปทำฟัน เช่น หลังไปทำฟันแล้วจะพาไปสถานที่ที่ลูกชอบ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ลูกคลายความกังวลในการทำฟันมากยิ่งขึ้น
  5. หมั่นสังเกตสุขภาพฟันของลูก ควรให้เด็ก ๆ เข้าใจการทำความสะอาดฟันอย่างถูกต้อง สังเกตอาการเป็นระยะ หากพบฟันผุควรพาไปคลินิกทันตกรรมเด็ก เพื่อทำการรักษาก่อนจะมีอาการปวด หรือเหงือกอักเสบ
  6. เลือกคลินิกทำฟันเด็กที่ไว้ใจได้ เลือกคลินิกที่มีทันตแพทย์เฉพาะทางด้านการทำฟันเด็กโดยเฉพาะ คุณหมอที่มีความถนัดเฉพาะด้านอย่าง TDH Dental โดยทันตแพทย์เด็กที่มีเทคนิคในการดึงความสนใจเด็ก ๆ มากกว่าทันตแพทย์ที่ทำการรักษาทั่วไป